พ.ท. ณัฏฐา กุลกำม์ธร
พ.ต.ปิติ รุจกิจจานนท์
ข้อไหล่เป็นข้อที่มีพิสัยการเคลื่อนไหวมากที่สุดในร่างกายของมนุษย์ ทำให้เราใช้แขนและมือทำงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ หากข้อไหล่ยึดหรือเคลื่อนไหวได้ไม่ดี จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของแขนและมือลดลง
สาเหตุของข้อไหล่ติดคืออะไร
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการข้อไหล่ติดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ในปัจจุบันมีทฤษฎีที่เชื่อว่าเกิดจากปฏิกริยาของภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยทั่วไประบบภูมิคุ้มกันจะช่วยป้องกันอวัยวะต่าง ๆ จากเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอม แต่ในผู้ป่วยข้อไหล่ติด ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะทำหน้าที่ผิดปกติโดยจะไปโจมตีเนื้อเยื่อของร่างกายเอง ถ้าเกิดในข้อไหล่ก็จะทำให้เกิดการอักเสบในข้อไหล่รวมทั้งเยื่อหุ้ม จากนั้นการอักเสบก็จะรุนแรงขึ้นทำให้มีการหดรัดและแข็งตัวของข้อไหล่จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
สำหรับสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการข้อไหล่ติดที่พบได้บ่อยได้แก่ การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ทำให้เกิด กล้ามเนื้อฉีกขาด อักเสบ หรือกระดูกหักหรือเคลื่อนบริเวณข้อไหล่, การใช้งานข้อไหล่อย่างไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการอักเสบ, การเสื่อมของข้อไหล่, โรคข้ออักเสบ(โรครูมาตอยด์, โรคเกาท์), การมีเส้นเอ็นอักเสบร่วมกับมีแคลเซี่ยมมาเกาะ
รูปแสดง 1. ข้อไหล่ปกติ 2. ข้อไหล่ที่มีการยึดติด
อาการ
อาการของโรคข้อไหล่ติดจะเริ่มจากการเจ็บข้อไหล่อยู่เป็นระยะเวลานานหลายสัปดาห์หรืออาจจะเป็นเดือน มีอาการปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวบริเวณหัวไหล่ จากนั้นอาการปวดจะลดลงจนเริ่มฟื้นตัวทำให้เคลื่อนไหวขยับข้อไหล่ได้ดีขึ้นจนผู้ที่มีอาการข้อไหล่ติดเข้าใจว่าอาการดีขึ้นแล้ว แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่าหลังจากอาการปวดดีขึ้นการเคลื่อนไหวของแขนและข้อไหล่จะยังทำได้ไม่เต็มที่เคลื่อนไหวได้ไม่สุดหรือไม่ดีดังเดิม
วิธีสังเกตว่าเป็นโรคข้อไหล่ติดแข็ง
สามารถสังเกตได้ขณะใช้งานแขนในลักษณะท่าทางต่างๆแล้วจะรู้สึกเจ็บไหล่ เช่นล้วงกระเป๋าหลังของกางเกงที่สวมอยู่ ไม่สามารถยกแขนเหนือศีรษะเพื่อหยิบของที่สูงได้ไม่สามารถเอามือไขว้หลังเพื่อถูหลังตัวเองหรือสระผมตัวเองได้ไม่สามารถกางแขนออกด้านข้างแล้วหงายฝ่ามือขึ้น เป็นต้น
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะข้อไหล่ติดแข็ง
พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายอายุโดยเฉลี่ย 40-65ปี โรคเบาหวาน และโรคอื่น ได้แก่ โรคไทรอยด์, หัวใจขาดเลือด, โรคซึมเศร้า, โรค Parkinson และการบาดเจ็บของระยางค์บน เป็นต้น
การดำเนินโรค
- ระยะที่ 1 Pre-adhesive phase (3 เดือนแรก)
ปวดเมื่อมีการเคลื่อนไหว ปวดตอนกลางคืน ตรวจร่างกายพบว่า พิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ยังคงปกติ - ระยะที่ 2 Painful phase “Freezing” (3-9 เดือน)
ปวดมากตอนกลางคืน และเมื่อมีการเคลื่อนไหว เป็นระยะที่มีอาการปวดมากที่สุด ตรวจร่างกายพบว่า มีการลดลงของพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ - ระยะที่ 3 Progressive stiffness phase “Frozen” (9-15 เดือน)
ข้อไหล่ติดทั่วๆปวดน้อยลง จะปวดเฉพาะเมื่อเคลื่อนข้อไหล่เต็มที่ ตรวจร่างกาย มีการลดลงของพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ - ระยะที่ 4 Resolution phase “Thawing” (15-24 เดือน)
อาการปวดลดลงขยับแขนได้มากขึ้นตามลำดับ ตรวจร่างกายพบว่าพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ค่อยๆดีขึ้น
กราฟระหว่างระยะเวลาการดำเนินโรคกับอาการปวด
การดูแลรักษาตนเองจากภาวะข้อไหล่ติดแข็ง
การรักษาภาวะข้อไหล่ติดจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลานานมากจนทำให้ผู้ป่วยเกิดความรำคาญและกังวลใจ แต่โดยทั่วไปร้อยละ 95 ของผู้ป่วยที่มีภาวะนี้อาการจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ
ระยะที่ 1 และ 2 จะเริ่มทำการรักษาโดยให้ยาแก้ปวดและยาต้านการอักเสบเพื่อบรรเทาอาการปวด ร่วมกับให้ยาคลายกล้ามเนื้อเพื่อช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อซึ่งเป็นภาวะที่พบร่วมด้วยในผู้ป่วยที่มีข้อไหล่ติดแข็ง ผู้ป่วยไม่ควรไปนวดหรือทำกายภาพบำบัด เพราะจะทำให้มีอาการปวดมากยิ่งขึ้น แต่สามารถเริ่มบริหารข้อไหล่ได้เองที่บ้าน
ระยะที่ 3 และ 4 การทำกายภาพบำบัดและการออกกำลังกายดังตัวอย่างจะช่วยให้พิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่กลับมาเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าหากอาการไหล่ติดเป็นปัญหากับการใช้ชีวิตประจำวันมาก หรือกินระยะเวลานานมาก การรักษาโดยการดัดข้อไหล่ภายใต้การดมยาสลบ (MUA: Manipulation under anesthesia) จะสามารถทำให้การเคลื่อนไหวของข้อไหล่กลับคืนมาได้เร็วยิ่งขึ้น
การบริหารไหล่เบื้องต้น
ท่าที่ 1
ท่าที่ 1 สามารถทำในท่านอนหงายบนเตียงหรืออาจจะอยู่ในท่านั่งหรือยืนก็ได้ แล้วทำการเหยียดแขนโดยยกแขนขึ้นตรงเหนือศีรษะอาจจะใช้มืออีกข้างหนึ่งช่วยจับประคองที่ข้อศอกของแขนข้างที่ยกเพื่อช่วยดันให้มีการยกแขนได้มากขึ้นโดยจะมีความรู้สึกตึงบริเวณหัวไหล่ของแขนข้างที่ยก แต่ถ้ารู้สึกเจ็บปวดมากอาจจะลดระดับลงไม่จำเป็นต้องยืดให้สุดในครั้งแรกทำเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ราบเรียบและไม่เร่งรีบ เป็นจังหวะไป-กลับ ประมาณ 30 ครั้ง ถ้ามีอาการปวดมากทั้งขณะทำหรือภายหลังการออกกำลังกายควรหยุดการออกกำลังกายในท่านี้จนกว่าอาการปวดจะดีขึ้นหากอาการปวดไม่ทุเลาหรือมีอาการมากขึ้นควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
ท่าที่ 2 ทำได้ทั้งท่ายืนและท่านั่ง โดยทำการยืดแขน โดยการยื่นแขนมาด้านหน้าลำตัวพร้อมกับไขว้ผ่านลำตัวใช้มืออีกข้างจับประคองที่ข้อศอกของแขนข้างที่ทำการยืดและออกแรงดันแขนไปให้สุดทำการยืดเป็นจังหวะไป-กลับประมาณ 30 ครั้ง
ท่าที่ 2
ท่าที่ 3
ท่าที่ 3 ท่าเริ่มต้นอยู่ในท่ายืนหรืออาจจะอยู่ในท่านั่ง ใช้ผ้าเช็ดตัวพาดผ่านไหล่ไปข้างหลัง ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับชายผ้าไว้ ขยับมือทั้งสองข้างขึ้นลงพร้อมๆกันทำการยืดเป็นจังหวะขึ้น-ลงประมาณ 30 ครั้ง และทำอีกข้างหนึ่งโดยการสลับมือ
การรักษาโดยการผ่าตัด
เป็นวิธีการที่แพทย์จะเลือกใช้ในกรณีที่มีอาการติดมาเป็นเวลานานคิดว่าไม่สามารถดัดได้ หรือในผู้ป่วยที่กระดูกบางมากอาจเกิดการหักในระหว่างการดัด แพทย์จะทำการส่องกล้องเข้าไปในข้อไหล่แล้วทำการตัดเนื้อเยื่อหรือ พังผืดที่ติดอยู่ออกผู้ป่วยจะมีแผลเป็นรูเจาะ แต่ที่สำคัญคือต้องมีการขยับและเคลื่อนไหวหลังผ่าตัดทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อไหล่กลับมาติดอีก
Leave a reply